วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

ปาฏิหาริย์..รักข้ามภพ(Plot)


“น้ำ” หญิงสาวผู้เชื่อมั่นในความรัก อินเตอร์เน็ต และ “หมอดู!!!!”




“น้ำ”เป็นหญิงสาวที่เชื่อมั่นในความรักและเชื่อว่าซักวันหนึ่ง เธอจะต้องเจอคู่แท้ของเธอ ที่เธอเฝ้าตามหามานานแสนนาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจของน้ำอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ”ความฝัน”




เธอจะฝันประหลาดๆในทุกครั้งที่เธอมีรักครั้งใหม่ และรักครั้งนี้ก็เช่นกัน น้ำยังฝันถึงเรื่องเดิม เธอจึงไปปรึกษา”หมอดูพลังจิต”ที่เธอเชื่อมั่นนักหนาว่าดูแม่นสุดๆเหมือนมีตาทิพย์




เมื่อน้ำไปพบหมอดูพลังจิต เธอจึงเล่าให้หมอดูฟังว่า”ในความฝัน น้ำเห็น ชาย หญิงคู่หนึ่ง ดูท่าทางรักกันมาก แต่ดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องทุกข์ หรือเรื่องไม่สบายใจบางอย่างอยู่ ทั้งคู่กำลังพนมมือ คุกเข่า อยู่ที่ใต้ต้นมลุลีต้นใหญ่ดูท่าทางศักดิ์ศิทธิ์ต้นหนึ่ง และพูดพร้อมกันว่า “หากชาตินี้ เราสองคนไร้ซึ่งบุญวาสนา ขอชาติหน้า และชาติต่อๆไป ให้เราทั้งสอง ครองรักมั่น นิรันดร” แล้วน้ำก็พูดต่ออีกว่า “ไม่ว่าจะนานเพียงใด จะไกลซักกี่ชาติภพ น้องจะขอรอพี่อย่างนี้ทุกชาติไป”




เมื่อหมอดูได้ฟังดังนั้นก็จับมือน้ำแล้วหลับตาลงซักครู่ แล้วบอกกับน้ำว่า “ภาพที่เธอเห็นในฝัน เป็นภาพของตัวเธอเองในชาติภพหนึ่งในอดีต และคำมั่นสัญญานี้จะส่งผลกระร้ายแรงต่อเธอ จนทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง จงจำไว้เสมอว่า อย่าได้สัญญาหรือสาบานกับใครอีกว่าจะรักกันทุกชาติไป เพราะนั่นจะเป็นผลติดตามเธอไปชั่วกัป ชั่วกัลป์ อาจถึงขั้นไม่ได้พบคู้แท้ในชาตินั้นๆเลยก็ได้”




เมื่อน้ำได้ฟังก็รู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่นานก็ลืม เพราะ”กฤช”แฟนสุดที่รักของน้ำนั่นเอง น้ำเล่าให้กฤชฟังถึงความฝันและคำที่หมอดูพลังจิตบอกน้ำมา แล้วบอกกริชว่า”สงสัยว่าผู้ชายในฝันต้องเป็นกฤชแน่ๆเลย”




แต่แล้ววันคือผ่านไปกฤชก็แสดงธาตุแท้ออกมา กฤชเป็นคนเห็นแก่ตัว เกาะผู้หญิงกิน เจ้าชู้ แถมบางทียังทำร้ายร่างกายน้ำอีกด้วย เมื่อกฤชทำตัวร้ายมากขึ้นทุกทีน้ำจึงพยายามตัดใจ และเริ่มต้นหารักครั้งใหม่จาก”อินเตอร์เน็ต”เหมือนที่เธอเจอกับกฤชครั้งแรก แล้วน้ำก็มีแฟนคนแล้วคนเล่าโดยที่พยายามจะบอกตัวเองว่า”คนนี้แหละใช่เลย ผู้ชายในความฝันแน่ๆ” แต่แล้วน้ำก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แปลกมากก็ตรงที่ ไม่ว่าน้ำจะเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะโดนทำร้ายโดยคนรัก และเชื่อใจ แต่น้ำก็ไม่เคยหมดความเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งความรักเลย น้ำยังมองความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แม้ว่าความรักจะทำร้ายน้ำมากขนาดไหนก็ตาม และทุกๆครั้งที่น้ำคบกับผู้ชายคนใหม่ น้ำก็จะมีอะไรกับผู้ชายคนนั้นเสมอ เพราะเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้จะหยุดลงที่เธอ แต่เรื่องราวก็ไม่เป็นอย่างนั้น น้ำเสียตัว เสียใจ เสียน้ำตา ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังมองความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เพราะเธอเชื่อว่า ความรักไม่เคยทำร้ายใคร แต่ความอยากเป็นเจ้าของ ความอิจฉา ความต้องการ ความอยากได้ต่างหากที่ทำร้ายเรา




จนวันหนึ่งน้ำก็เล่นอินเตอร์เน็ตตามปรกติ แล้วได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง น้ำรู้สึกชอบเค้าคนนี้มาก แต่เธอก็ไม่ได้แสดงตัวออกไปมากมาย และเหมือนโชคเข้าข้าง เค้ากำลังจะย้ายมาสอนในโรงเรียนเดียวกันกับที่น้ำสอนอยู่ น้ำดีใจมากและเตรียมตัวพบเค้าอย่างสวยสุดๆ




แว๊บแรกที่น้ำได้พบกับ”วิทย์”ชายที่เธอรู้สึกชอบมากจนไม่ไหวแล้ว ก็เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างบอกกับน้ำว่า คนนี้แหละคือคนที่เธอสาบานไว้ว่าจะรักและรอคอยเค้าทุกชาติไป มันไม่เหมือนกับคนที่ผ่านๆมามีบางสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นซึ่งน้ำก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่แปลกที่เธอไม่เคยเล่าให้วิทย์ฟังถึงความฝันประหลาด ฝันที่เธอฝันมาตลอด และตั้งแต่เจอวิทย์เธอก็ฝันอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาทุกคืน




น้ำกับวิทย์คบกันอย่างมีความสุข รักกันมาก วิทย์ดีกับเธอมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วิทย์ก็ยังคงดีกับน้ำอย่างสม่ำเสมอ และดูท่าจะรักน้ำมากขึ้นทุกวัน ซึ่งน้ำก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่ต่างไปจากวิทย์เลย เธอรักและดูแลวิทย์เป็นอย่างดีเหมือนกับที่วิทย์รักและดูแลเธอ ทุกคนมองว่าสองคนนี้คงจะแต่งงานกันในไม่ช้า จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นในเช้าวันหนึ่ง




“พร”ครูคนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียน เดินจูงลูกสาววัยน่ารักมาหาวิทย์ วิทย์ ไม่ได้พูดอะไรกับน้ำในวันนั้น ส่วนน้ำก็รู้สึกเสียใจมากที่สุดในชีวิต เพื่อนๆของน้ำเข้ามาปลอบใจ และบอกให้เธอตัดใจจากชายชั่วคนนี้ซะ แต่น้ำไม่ยอม น้ำรักวิทย์มาก




จนวันหนึ่งน้ำกับวิทย์ได้มีโอกาสคุยกันเป็นการส่วนตัว วิทย์เดินเข้ามาหาน้ำ ลูบหัวน้ำ และร้องไห้ เค้ารักน้ำมาก และรู้สึกผิดที่ทำให้คนที่เค้ารักต้องร้องไห้ วิทย์บอกน้ำว่า “น้ำรู้มั้ย วินาทีแรกที่ผมเจอคุณ ผมก็รู้ทันที ว่าคุณนี่แหละ คือคู่แท้ที่ติดตามและรอคอยผมมาตั้งแต่ชาติก่อน ผมฝันนะ ฝันแปลกๆมาตลอดว่าผมเคยสาบานกับคุณใต้ต้นมลุลีต้นใหญ่ว่าขอให้ผมกับคุณได้รักกันในชาติต่อๆไป แล้วคุณยังพูดต่อด้วยว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน กี่ชาติภพคุณก็จะรอผม”




น้ำร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ กอดวิทย์และพยายามส่งความรู้สึกให้วิทย์รู้ว่าเธอรักวิทย์มากแค่ไหน “น้ำ...ผมขอโทษ ขอโทษที่ไม่รอคุณ ขอโทษที่ทำผิดกับคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราไปถอนคำสาบานกันมั้ยน้ำ เผื่อว่ามันจะทำให้คุณเป็นอิสระจากผม ผมขอโทษ ผมรักคุณนะ”




เย็นวันนั้น น้ำไปที่วัด..”ไปฆ่าตัวตาย” เธอเลือกจะผูกคอตายเพราะเธอไม่สามารถที่จะรักใครได้อีกแล้ว เธอจะแขวนคอตัวเองกับต้นมลุลีต้นหนึ่ง เมื่อตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ในขณะที่เธอตัดสินใจจะปลิดชีพตัวเอง ก็มีเสียงที่น่าเลื่อมใส ดังมาจากข้างหลังน้ำ




“ชีวิตมันน่าเบื่อหน่ายขนาดนั้นเชียวเหรอโยม อาตมาว่าโยมลงมาเถอะนะ แล้วอาตมาจะเล่าอะไรดีๆให้โยมฟัง”




น้ำ เหมือนโดนต้องมนตร์สะกด เธอลงมาจากเก้าอี้แล้วนั่งพับเพียบและกราบพระรูปหนึ่ง แล้วพระรูปนั้นก็บอกว่า”อกหักมาใช่มั้ย อาตมาจะบอกให้นะว่าชีวิตคนเราน่ะมันมีค่ามาก และมีอะไรมากกว่าความรักมากมายนัก ... ชาติก่อนน่ะโยมเคยไปสาบานกับใครบางคนว่าจะรักแล้วก็รอคอยเค้าทุกชาติไปใช่มั้ย นั่นน่ะมันทำให้ชีวิตของโยมเป็นแบบนี้นะ ที่ผ่านมาโยมไม่เคยเจอรักแท้เลยใช่รึเปล่า นั่นเป็นเพราะแรงแห่งคำสาบานยังไงล่ะ โยมบอกจะรอเค้า โยมก็ต้องอยู่จนเจอเค้า หรือแย่กว่านั้นโยมอาจจะไม่เจอเค้าเลยก็ได้”




น้ำถามหลวงตาว่าแล้วทำไมวิทย์ถึงไม่รอเธอ ทำไมวิทย์แต่งงานไปแล้ว “นั่นเป็นเพราะว่า คนรักของโยมต้องชดใช้หนี้กรรมให้เธอคนนั้นยังไงล่ะ เพราะชาติที่พวกโยมสาบานกันน่ะ คนรักของโยมเค้าก็มีครอบครัวอยู่แล้ว และเธอคนนี้แหละก็คือคู่ครองของเค้าในอดีต เค้าจึงยังต้องชดใช้หนี้กรรมกับเธออยู่ ประกอบกับที่ว่าโยมไปสาบานบานว่าจะรอคอยเค้า โยมจึงไม่ได้พบรักแท้ในทุกๆชาติ ถ้าไม่ใช่คนๆนี้น่ะสิ ทีนี้เจ้าก็เลือกเอาเองนะว่าจะรอคอยเค้าต่อไป หรือจะปลดเปลื้องตัวเองออกจากแรงแห่งคำสาบาน ต้นไม้ต้นนี้ที่เจ้าคิดจะใช้เป็นเครื่องมือฆ่าตัวตายนี่แหละ คือต้นไม้ต้นเดียวกันกับที่เจ้าคุกเข่าสาบานเมื่อชาติก่อน”




น้ำสับสนไม่รู้จะเลือกทางไหนแต่สุดท้าย เธอก็เลือกจะมีชีวิตอยู่ และตอกย้ำคำสาบานกับต้นมลุลีแห่งรักว่าเธอจะรักและรอคอยวิทย์ตลอดไป เธอกลับไปใช้ชีวิตปกติ มีวิทย์และพรเป็นเพื่อนร่วมงาน เจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็น แต่ยังคงเฝ้ารออย่างทรมาน และยังคงยิ้มให้วิทย์และพรอย่างจริงใจได้เสมอ โดยที่ไม่ได้รู้สึกอิจฉาใดๆ และเพื่อนร่วมงานทุกคนรวมทั้งน้ำและวิทย์ก็พร้อมใจกันปิดปากให้สนิทเรื่องของวิทย์และน้ำ




“แม้จะเจ็บปวดเพียงใด ก็จะรอต่อไปเพราะรักเธอ”